![ทุเรียนเกรดพรีเมี่ยม](https://iishop.me/wp-content/uploads/2023/09/TheMO-Durian_cover-1024x576.jpg)
ทุเรียนเกรดพรีเมี่ยม
ทุเรียนเกรดพรีเมี่ยม รายละเอียดของสินค้า
- เป็นทุเรียนออแกนิคส์จากสวน
- พันธุ์หมอนทอง
- รับประกันเนื้อ อ่อนเสีย รับเคลม
- ตัดในช่วงที่ลูกค้าต้องการ เนื้อกรอบนอกนุ่มใน หรือนิ่มกำลังพอดี
- ไม่มีสารตกค้าง
ประโยชน์ของสินค้า
- รสชาติจัด เนื้อคุณภาพ
ทำใมต้องซื้อทุเรียนของเรา
- เพราะรับประกันทุกลูก
![ทุเรียนเกรดพรีเมี่ยม](https://iishop.me/wp-content/uploads/2023/09/94ee22_9aea7331a6fe4c609cf43bbc5c8ba09fmv2.jpg.webp)
“ทุเรียน” ผลไม้ไทยดังไกลทั่วโลก ใครได้ลองทานแล้วต้องติดใจ
เมื่อพูดถึงผลไม้ที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงฤดูร้อนปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “ทุเรียน” คือตัวเลือกที่โดนใจ ซึ่งเมื่อพูดถึงผลไม้ชนิดนี้เองก็มีหลายพันธุ์ให้เลือกรับประทาน และปัจจุบันยังมีการผลิตแปรรูปที่มากมาย แต่ทั้งนี้หากรับประทานมากเกินไปก็อาจส่งผลต่อร่างกายได้ จึงขอนำรายละเอียดดี ๆ มาบอกต่อให้เข้าใจ ทั้งเรื่องพันธุ์ชื่อดัง การแปรรูป และข้อควรระวังในการรับประทาน
พันธุ์ทุเรียนชื่อดังของไทย
- หมอนทอง
เป็นพันธุ์ดังที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนใหญ่จะถูกปลูกในจังหวัดทางภาคตะวันออกอย่าง จันทบุรี ระยอง ตราด รสชาติหวานกำลังดี ไม่มันเกินไป และกลิ่นไม่ค่อยแรงมาก เนื้อจะมีความกรอบนอกนุ่มใน เนียนละเอียด มีสีเหลืองอ่อน แห้ง ไม่แฉะติดมือ ส่วนเมล็ดจะมีความเล็กและลีบ
- ชะนี
เป็นอีกสายพันธุ์ทุเรียนที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยที่จะมีเนื้อเป็นสีเข้ม สัมผัสได้ถึงความเหนียวจากเส้นใยที่มีอยู่เยอะพอควร กลิ่นจัดว่าแรงโดยเฉพาะช่วงเวลาที่สุกงอมก็จะแรงเพิ่มมากขึ้น รสหวานแหลม
- พวงมณี
เรียกได้ว่าเป็นทุเรียนพื้นเมืองของภาคตะวันออก มีรสชาติหอมอร่อยไม่แพ้หมอนทองเลยทีเดียว ความโดดเด่นของสายพันธุ์นี้จะมีรสชาติหวานจัด สีเหลืองเข้ม เนื้อละเอียด ไม่มีเส้นใย ผลเล็กกว่าพันธุ์อื่น ๆ ที่เห็นโดยทั่วไป
- หลง – หลินลับแล
เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกภายในจังหวัดอุตรดิตถ์ จะมีลักษณะเนื้อที่แน่น แห้ง ไม่เลอะติดมือ กลิ่นไม่แรงมาก มีความหอมมัน รสหวานจัด แต่ราคาจะค่อนข้างแพงเพราะสามารถปลูกได้ในพื้นที่เฉพาะเท่านั้น
- ก้านยาว
สุดท้ายเป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้บ่อยพอ ๆ กับหมอนทอง หรือชะนี โดยที่จะมีลูกใหญ่ เนื้อเหนียวนุ่ม ละเอียด เส้นใยน้อย เมื่อสุกได้ที่แล้วกลิ่นก็จะยังไม่แรงมาก และจับได้ไม่แฉะติดมือ แต่เรื่องของราคาก็จัดว่าสูงอยู่พอตัวเลยทีเดียว
การแปรรูปทุเรียนปัจจุบันพัฒนามีแบบไหนบ้าง?
เผื่อว่าใครที่ไม่นิยมในการรับประทานแบบสด ๆ อาจเพราะรสชาติหวานเกินไป หรือมีกลิ่นแรงจัด ต้องการตัวเลือกที่จะช่วยทำให้การรับประทานง่ายมากขึ้น ช่วยเก็บรักษายืดอายุทุเรียนให้อยู่ได้นาน และช่วยลดปัญหาการสูญเสียผลผลิตอันเนื่องมาจากบางครั้งผลอ่อนเกินไป ผลสุกมากเกินพอดี หรือยังสุกไม่พอสำหรับจะรับประทานได้ ทำให้ออกขายสู่ตลาดไม่ได้ จึงต้องนำมาแปรรูปเพื่อช่วยถนอมคุณภาพอาหารให้นานมากขึ้น และเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตที่ไม่ได้เกณฑ์ตลาด การแปรรูปทุเรียนหลักๆ ในปัจจุบันที่พบเห็จโดยทั่วไป ประกอบไปด้วย
- ทุเรียนกรอบ
เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ได้รับความนิยมสูงมาก และมีผู้บริโภคเลือกรับประทานเป็นของขบเคี้ยวหรือของว่างกันเยอะ เนื่องจากหลังการแปรรูปจะได้ทุเรียนที่เป็นแผ่นบางๆ นำมาทำให้กรอบโดยผ่านกระบวนการความร้อน ไม่ว่าจะทอดหรืออบ แล้วจึงบรรจุในถุงผลิตภัณฑ์แบบป้องกันความชื้น ผลผลิตแปรรูปที่ได้ไม่มีกลิ่น มีรสชาติไม่หวานมากเกินไป สามารถหยิบขึ้นมารับประทานเล่น ๆ กรุบกรอบเคี้ยวเพลินกันได้ตลอดวัน
- ทุเรียนกวน
ผลิตภัณฑ์แปรรูปต่อมาที่ได้รับความสนใจไม่แพ้แบบอื่น ๆ โดยสามารถแปรรูปจากเนื้อทุเรียนสด มีการเลือกใช้พันธุ์ดี หรือพันธุ์ผสมแล้วเติมน้ำตาลทรายลงไป (หรือจะไม่เติมก็ได้) จากนั้นก็เคี่ยวจนเนื้อข้นเหนียว ไม่ทำให้แห้งติดมือ ภายหลังจากการกวนแล้วจะถูกบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ต่างๆ สามารถเก็บได้นานขึ้นอย่างน้อย 1 เดือน หรือถ้าบรรจุในกระป๋องก็จะเก็บได้นาน 6 เดือน และหลังเปิดกระป๋องแล้วถ้าไม่อยากให้ขึ้นราก็ควรปิดฝาให้สนิท ป้องกันความชื้นเข้าเข้าไปในกระป๋อง
- ไอศกรีมทุเรียน
ขนมหวานเพิ่มความเย็นฉ่ำอย่างไอศกรีมทุเรียนที่สามารถทำเองได้ด้วยการนำไปกวนใส่ถ้วยไอศกรีมแล้วแช่ในความเย็นที่พอดี ปิดฝาให้สนิท สามารถนำมาตักทานได้ทันที โดยที่การแปรรูปประเภทนี้จะยังคงมีกลิ่นทุเรียนให้ได้รับความรู้สึกกันเนื้อๆ เน้นๆ
- ทุเรียนแช่แข็ง
การแปรรูปลักษณะนี้ จะเป็นการยืดอายุทุเรียนประเภทหนึ่ง หากเป็นตามบ้านก็จะนำทุเรียนที่สุกพอเหมาะ มาแกะออกมาทีละพูแล้วห่อด้วยกระดาษแล้วใส่ไว้ในกล่องถนอมอาหาร ก่อนที่จะนำเข้าไปเก็บไว้ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เพื่อจะได้มีไว้รับประทานในช่วงนอกฤดู สำหรับผู้ประกอบการส่งออกบางราย ยังได้มีการทำทุเรียนแช่แข็งบรรจุซองคล้ายซองไอศครีม เพื่อทำการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้า ซึ่งวิธีการเช่นนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าทุเรียนมีความแก่ตามมาตรฐาน ลดโอกาสการถูกตีกลับได้ แต่มีข้อด้อยในเรื่องของค่าแรงในกระบวนการบรรจุและต้นทุนในการแช่แข็งที่เพิ่มขึ้น
ข้อควรระวังในการรับประทานทุเรียน
แม้ว่าทุเรียนจะเป็นผลไม้ที่มีหลาย ๆ คนชื่นชอบรับประทานเป็นอย่างมาก จนอาจจะรับประทาน 1 ลูกหมดได้ภายในวันเดียวด้วยซ้ำ แต่นั่นอาจไม่ได้ส่งผลดีต่อร่างกายเท่าไรนัก ดังนั้นการศึกษาเกี่ยวกับข้อควรระวังในการรับประทานจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจละเลยไปได้
- รับประทานมากเกินไป ทำให้ท้องอืด
เพราะผลไม้ชนิดนี้มีแก๊สและกรด จึงทำให้หลังจากที่รับประทานไปแล้วมักรู้สึกร้อนท้อง รวมถึงแน่นท้อง ท้องอืด ส่วนใหญ่สาเหตุเนื่องจากการเลือกเนื้อห่าม นอกจากกรด แก๊ส ก็ยังมีแป้งเยอะระบบการย่อยจึงทำงานได้ยากลำบากมากขึ้น
- ให้แคลอรี่มาก
ผลไม้ชนิดนี้อร่อยแบบเพลิน ๆ ทุกคนรู้ดี แต่หากรับประทานมากเกินไปย่อมส่งผลต่อน้ำหนักตัวที่มีสิทธิ์ขึ้นง่าย ซึ่งทุเรียน 100 กรัม มีแคลอรี่สูงถึง 150-160 แคลอรี่ โดยให้โภชนาการในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง
- ห้ามรับประทานพร้อมกับการดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด
สำหรับใครที่เป็นทั้งสายดื่ม และสายทุเรียน ไม่ควรรับประทานทานพร้อมกันเด็ดขาด จากข้อมูลของแหล่งที่มาจาก “นิตยสารวาไรตี้เพื่อสุขภาพ @Rama” ระบุว่า ทุเรียนมีสารประกอบซัลเฟอร์สูง ซึ่งสารนี้ทำให้เอนไซม์ ALDH ทำงานชะงัก ทำให้ร่างกายเราเมื่อดื่มเหล้าเข้าไปในห้วงเวลาที่รับประทานทุเรียนอยู่แล้วด้วย จะไม่สามารถทำลายแอลกอฮอล์ได้สมบูรณ์ จนอาจเกิดอาการต่างๆ เช่น ใจสั่น ปวดหัว เวียนหัว และอาจมีบางรายที่มีอาการรุนแรงได้
ดังนั้นจะรักจะชอบทุเรียนแค่ไหน ก็ขอให้ทุก ๆ คนรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และควรหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายได้เผาผลาญไขมัน ลดความเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพที่มีโอกาสตามมาภายหลังด้วย